2024 ผู้เขียน: Jasmine Walkman | [email protected]. แก้ไขล่าสุด: 2023-12-16 08:38
เราทุกคนรู้จักมะเขือเทศ แต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่ามันเป็นผลไม้ของตระกูลเบลลาดอนน่า มะเขือเทศมีรสชาติขนาดรูปร่างและสีแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความหลากหลาย
มะเขือเทศอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน แร่ธาตุ และไฟโตนิวเทรียนท์ เป็นแหล่งที่ดีของวิตามิน B6, C และ K, เบต้าแคโรทีน, ไบโอติน, ไนอาซิน, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, แคลเซียม, เหล็ก, สังกะสีและซีลีเนียมรวมถึงกรดอินทรีย์หลายชนิดเช่นกรดซิตริกและมาลิกซึ่งเป็นตัวกำหนดรสชาติ ของมะเขือเทศ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอินทรีย์ และสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ สูง มะเขือเทศจึงเป็นยาอายุวัฒนะอย่างแท้จริง
การทำงานร่วมกันของธาตุเหล็กและวิตามินซีซึ่งมีอยู่ในมะเขือเทศช่วยในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินและการก่อตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่จึงช่วยป้องกันหรือรักษาโรคโลหิตจางประเภทต่างๆ
ผลการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าไลโคปีนในผิวหนังและเนื้อมะเขือเทศอาจมีบทบาทในการป้องกันมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้
ไลโคปีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยหลักจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสูงกว่าเบต้าแคโรทีนด้วยซ้ำ
การศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสารต้านการอักเสบที่มีอยู่ในผิวมะเขือเทศมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพมากและมีประโยชน์มากในการต่อสู้กับการอักเสบต่างๆ
เนื่องจากมะเขือเทศมีวิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส มะเขือเทศจึงดีต่อสุขภาพกระดูกและฟัน
มะเขือเทศช่วยปรับปรุงการทำงานของหัวใจโดยช่วยลดความดันโลหิตเนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง นอกจากนี้ยังป้องกันการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนแรกในการก่อตัวของคราบไขมันในหลอดเลือด
ไลโคปีนที่มีอยู่ในมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสามารถของผิวในการป้องกันตัวเองจากรังสียูวีที่เป็นอันตราย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามิน A และ C จึงมีประโยชน์โดยการลดริ้วรอยของผิวและขจัดความไม่สมบูรณ์ของผิว
ปริมาณโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูงในน้ำแดงของมะเขือเทศช่วยบรรเทาอาการเครียดและเมื่อยล้า รวมทั้งบรรเทาอาการกล้ามเนื้อกระตุกและตะคริว